ทำความรู้จักเหล็กข้ออ้อย เลือกใช้ให้ถูกหลัก ตามมาตรฐานมอก.

915 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ทำความรู้จักเหล็กข้ออ้อย จะได้เลือกใช้ให้เหมาะสม และถูกหลัก มอก

ทำความรู้จักเหล็กข้ออ้อย (Deformed Bar)

เหล็กข้ออ้อย (Deformed Bar) หรือ DB คือเหล็กเสริมคอนกรีตชนิดหนึ่งที่มีลักษณะผิวเป็นบั้งหรือปล้องตลอดทั้งเส้น ทำให้สามารถยึดเกาะกับเนื้อคอนกรีตได้ดีกว่าเหล็กเส้นกลมทั่วไป จึงได้รับความนิยมอย่างมากในงานก่อสร้างโครงสร้างที่ต้องการความแข็งแรงและทนทานสูง เช่น อาคารสูง สะพาน ถนน เขื่อน และสิ่งปลูกสร้างขนาดใหญ่

คุณสมบัติของเหล็กข้ออ้อย

เหล็กข้ออ้อยมีลักษณะเด่นที่ช่วยเพิ่มแรงยึดเหนี่ยวระหว่างเหล็กกับคอนกรีต ช่วยป้องกันการเลื่อนตัวของเหล็กภายในคอนกรีตเมื่อเกิดแรงกระทำ โดยทั่วไปจะผลิตตามมาตรฐานอุตสาหกรรม มอก. 24-2548 ซึ่งระบุชั้นคุณภาพของเหล็กข้ออ้อยไว้ดังนี้:

  • SD30: กำลังจุดคราก (Yield Strength) ไม่น้อยกว่า 3,000 กก./ซม.²
  • SD40: กำลังจุดครากไม่น้อยกว่า 4,000 กก./ซม.²
  • SD50: กำลังจุดครากไม่น้อยกว่า 5,000 กก./ซม.²

การเลือกใช้ชั้นคุณภาพของเหล็กข้ออ้อยควรพิจารณาตามประเภทและลักษณะของโครงสร้างเพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยและความแข็งแรงของงานก่อสร้าง

ขนาดของเหล็กข้ออ้อย

เหล็กข้ออ้อยมีให้เลือกหลายขนาด โดยทั่วไปนิยมระบุขนาดตามเส้นผ่านศูนย์กลาง เช่น:

  • DB10 (10 มม.)
  • DB12, DB16, DB20
  • DB25, DB28, DB32

ทั้งนี้ความยาวมาตรฐานของเหล็กเส้นส่วนใหญ่อยู่ที่ 10 เมตร และ 12 เมตร ขึ้นอยู่กับความต้องการใช้งาน

 

ประเภทของเหล็กข้ออ้อย: แบบมี "T" และแบบไม่มี "T"

ในการเลือกใช้งานเหล็กข้ออ้อย ผู้ใช้หลายรายอาจพบคำว่า “เหล็ก T” หรือ “ไม่มี T” ปรากฏอยู่บนเหล็กเส้น ซึ่งมีความหมายดังนี้:

เหล็กข้ออ้อยแบบมีตัว "T" คือเหล็กที่ผ่านกระบวนการ Tempering (การอบชุบด้วยความร้อน) เพื่อเพิ่มความแข็งแรงและความยืดหยุ่น เหล็กประเภทนี้มักใช้ในงานโครงสร้างขนาดใหญ่ที่ต้องการความแข็งแรงสูง

เหล็กข้ออ้อยแบบไม่มีตัว "T" เป็นเหล็กที่ไม่ได้ผ่านกระบวนการอบชุบแบบพิเศษ แต่ยังคงผลิตตามมาตรฐานกำหนด และสามารถใช้งานได้ดีในงานก่อสร้างทั่วไป
ข้อสังเกต: แม้จะมีความแตกต่างในกระบวนการผลิต แต่ทั้งสองแบบสามารถมีคุณสมบัติทางกลตามมาตรฐานเดียวกันได้ เช่น SD40 หรือ SD50 การเลือกใช้งานขึ้นอยู่กับความต้องการของวิศวกรผู้ออกแบบและประเภทของโครงสร้างเป็นหลัก

 

การใช้งานเหล็กข้ออ้อย

เหล็กข้ออ้อยเหมาะสำหรับงานโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็กทุกประเภท โดยเฉพาะงานที่ต้องการความแข็งแรงเป็นพิเศษ เช่น:

  • งานก่อสร้างอาคารสูง คอนโดมิเนียม
  • งานก่อสร้างถนน ทางยกระดับ และสะพาน
  • งานฐานราก เขื่อน และโครงสร้างใต้ดิน
  • บ้านพักอาศัยที่เน้นความคงทนและอายุการใช้งานยาวนาน

 

วิธีการเลือกซื้อเหล็กข้ออ้อย

เพื่อให้ได้เหล็กข้ออ้อยที่มีคุณภาพและได้มาตรฐาน ควรพิจารณาดังนี้:

  • ควรมี เครื่องหมาย มอก. กำกับบนตัวเหล็ก 
  • ตรวจสอบความสม่ำเสมอของบั้งตลอดแนวเส้น
  • ตรวจสอบเส้นผ่านศูนย์กลางและความยาวว่าตรงตามมาตรฐาน
  • ผิวเหล็กควรเรียบ ไม่มีสนิมหรือรอยแตกร้าว

 

วิธีอ่านเครื่องหมาย มอก. “มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม”

เมื่อดูที่เส้นเหล็กข้ออ้อย ต้องมีเลข อักษรหรือเครื่องหมาย แจ้งรายละเอียดต่อไปนี้ ประทับเป็นตัวนูนถาวรบนเนื้อเหล็กให้เห็นได้ง่าย ชัดเจน เรียงกันไปตามลำดับ ชื่อโรงงานผู้ผลิต หรือเครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียน ขนาด ชั้นคุณภาพ สัญลักษณ์ “T” (เฉพาะเหล็กข้ออ้อยที่ผ่านกรรมวิธีทางความร้อน (heat treatment) ในระหว่างการผลิต)

ตัวอย่าง

  • 24-2548 คือรหัสมาตรฐานสำหรับเหล็กเส้นเสริมคอนกรีตประเภทข้ออ้อย โดย "24" คือเลขมาตรฐาน และ "2548" คือปีที่ประกาศใช้
  • SD40 คือชั้นคุณภาพของเหล็ก ขึ้นอยู่กับค่ากำลังจุดคราก (Yield Strength) เช่น SD30, SD40, SD50 ยิ่งตัวเลขมาก เหล็กยิ่งแข็งแรง
  • DB20 DB ย่อมาจาก Deformed Bar (เหล็กข้ออ้อย) และ “20” คือเส้นผ่านศูนย์กลางของเหล็ก หน่วยเป็นมิลลิเมตร 


ผลกระทบหากใช้เหล็กที่ไม่มีคุณภาพ

  • ไม่เหมาะกับอาคารสูง หรือพื้นที่เสี่ยงแผ่นดินไหว หรือลมแรง
  • ลดอายุการใช้งานของโครงสร้างอาคารอย่างมีนัยสำคัญ
  • เพิ่มความเสี่ยงต่อการพังทลายในอนาคต ทำให้ต้องซ่อมแซมหรือรื้อถอนก่อนเวลา
  • ไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานวิศวกรรมที่เน้นความปลอดภัยสูง โดยเฉพาะในงานโครงสร้างอาคารสูง 

 

สรุป

เหล็กข้ออ้อยถือเป็นวัสดุก่อสร้างที่มีบทบาทสำคัญในงานคอนกรีตเสริมเหล็ก ด้วยคุณสมบัติพิเศษที่สามารถยึดเกาะกับคอนกรีตได้ดีและรองรับแรงดึงได้สูง เหมาะสำหรับการใช้งานในทุกระดับ ตั้งแต่งานโครงสร้างขนาดเล็กไปจนถึงโครงการขนาดใหญ่ การเลือกใช้เหล็กข้ออ้อยที่ได้มาตรฐาน ไม่ว่าจะเป็นแบบมีตัว T หรือไม่มี T จะช่วยเสริมความมั่นคงและความปลอดภัยของโครงสร้างในระยะยาว

 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้